สุขภาพจิตของหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด
ทุกกลุ่มอายุและทุกระดับรายได้ล้วนมีโอกาสมีปัญหาทางจิตใจได้ทั้งนั้น ซึ่งครอบคลุมไปถึงอาการทางสุขภาพจิตที่เกิดระหว่างการตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอด
Perinatal mental health disorders include depression, anxiety, post-traumatic stress disorder (“PTSD”), and psychosis, amongst others. These disorders can be caused by a combination of biological, psychological, and social stressors. Maternal anxiety and depression are the most common complications of childbirth, affecting about 1 in 5 women.
ปัญหาความผิดปกติทางจิตใจระหว่าง หรือหลังจากการตั้งครรภ์ ประกอบไปด้วยโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรควิกลจริต ความผิดปกติเหล่านี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างปัจจัยด้านร่างกาย จิตใจ และความกดดันทางสังคม เช่นขาดการสนับสนุนจากคนรอบข้าง โรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้าเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคุณแม่หลังคลอด โดยพบประมาณ 1 ใน 5 ของทั้งหมด
ในขณะเดียวกันโรงพยาบาล คลินิคหลาย ๆ แห่ง รวมถึงคุณหมอหลาย ๆ ท่านอาจไม่ได้รวมการประเมินสุขภาพจิตของคนไข้เพื่อหาอาการเหล่านี้ไว้ในแผนการตรวจหลังคลอดทั่วไป
ประเภทของความผิดปกติทางจิตใจในคุณแม่
อาการความผิดปกติทางจิตใจของคุณแม่อาจเกิดขึ้นช่วงเวลาไหนก็ได้ตลอดการตั้งครรภ์ หรือภายใน 12 เดือนหลังการคลอด โดยอาจมีอาการต่อไปนี้:
-
เกิดกับคุณแม่หลังคลอดประมาณ 2 ใน 3 โดยมีแนวโน้มว่าอาจเกิดจากปริมาณฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลังการคลอดลูก คุณแม่ที่มีประสบการณ์การเป็นเบบี้บลูส์อาจมีอารมณ์แปรปรวน รู้สึกเศร้า หรืออาจร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
เนื่องจากอาการต่าง ๆ มักหายไปได้เองในสองสามวัน อาการเบบี้บลูส์จึงไม่นับว่าเป็นโรคความผิดปกติทางจิตใจ อย่างไรก็ตาม หากอาการยังคงอยู่มากกว่า 2 สัปดาห์ คุณแม่อาจมีปัญหาเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดและจะต้องการการประเมินและการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ
-
โรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์และหลังคลอด ถือเป็นปัญหาทางจิตใจที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการคลอด คุณแม่ประมาณ 15% จะรู้สึกมีอาการซึมเศร้าหลังการคลอด และมีโอกาสเกิดสูงขึ้นในครอบครัวที่มีปัญหาทางการเงิน
ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดมักมีอาการต่อไปนี้:
● ขาดความสนใจในทารก
● ขาดความสนใจ ไม่เพลิดเพลิน หรือไม่มีความสุขกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยชอบทำ
● รู้สึกโกรธ หงุดหงิดง่าย
● มีความคิดทำร้ายตนเอง หรือทำร้ายลูก
● มีปัญหาในการกิน และการนอน
● ร้องไห้บ่อย รู้สึกเศร้าซึม
● รู้สึกผิด ละอายใจ หรือท้อแท้
ปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าปริกำเนิดมากขึ้นมีดังนี้:
● เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน หรือมีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้าหลังคลอด● เป็นโรคกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual dysphoric disorder)
● ขาดการสนับสนุนจากคนรอบข้างในการดูแลลูก
● ความเครียดทางการเงิน
● ความเครียดด้านชีวิตคู่
● อุปสรรคในการตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมลูก
● มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เช่นความสูญเสีย การย้ายบ้าน ตกงาน
● การตั้งครรภ์หลายครั้ง
● ทารกไม่สบายและต้องอยู่ในแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด
● ผ่านการรักษาภาวะมีบุตรยาก
● ความไม่สมดุลของต่อมไทรอยด์
● โรคเบาหวาน ทั้งประเภทที่ 1, 2 หรือโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
-
ผู้หญิงตั้งครรภ์ประมาณ 6% และคุณแม่หลังคลอด 10% จะเป็นโรควิตกกังวล โดยอาจเป็นโรควิตกกังวลอย่างเดียว หรือเป็นพร้อมกับโรคซึมเศร้าก็ได้
อาการของโรควิตกกังวลก่อนคลอด และหลังคลอดมีดังนี้:
● ความกังวลอย่างต่อเนื่อง
● การคิดไม่หยุด
● ปัญหาในการนอน และการกิน
● รู้สึกกลัว
● ไม่สามารถอยู่เฉยได้
● รู้สึกเหมือนเรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
● อาการทางร่างกาย เช่นมึนหัว รู้สึกร้อนวูบ ใจสั่น ชา หรือคลื่นไส้
ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อโรควิตกกังวลมีดังนี้:
● เคยเป็นโรควิตกกังวลมาก่อน หรือมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรควิตกกังวล
● เคยเป็นโรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวลระหว่างตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด
● ความไม่สมดุลของต่อมไทรอยด์
-
งานวิจัยพบว่าคุณแม่และคุณพ่อมือใหม่ประมาณ 3-5% มีปัญหาโรคย้ำคิดย้ำทำระหว่างตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด (obsessive-compulsive disorder) โดยมีอาการดังนี้:
● มีความหมกมุ่น โดยแสดงออกมาด้วยการคิดเรื่องเกี่ยวกับทารกซ้ำ ๆ ไม่หยุด ความคิดเหล่าน้ีอาจทำให้อารมณ์ขุ่นมัว หรือเป็นความรู้สึกที่คุณแม่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
● รู้สึกว่าต้องทำกิจกรรมซ้ำไปซ้ำมาเพื่อลดความกลัวและลดความหมกมุ่น อาจเป็นกิจกรรมเช่นการทำความสะอาดตลอดเวลา ตรวจสอบบางอย่างซ้ำ ๆ นับจำนวนของหรือจัดของซ้ำไปมา
● รู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงเกี่ยวกับความคิดหมกมุ่นที่เกิดขึ้น
● รู้สึกกลัวที่จะต้องอยู่ลำพังกับทารก
● รู้สึกระแวดระวังมากเกินไปในการปกป้องทารก
-
ความเครียดหลังเหตุการณ์รุนแรงหลังคลอด (Postpartum post-traumatic stress disorder) เกิดกับคุณแม่หลังคลอดประมาณ 9% อาการนี้มักเกิดจากความบอบช้ำทางจิตใจในอดีต ตัวอย่างเช่น:
● ความบอบช้ำทางใจที่เกี่ยวกับการคลอด หรือเกิดหลังคลอด
● ความบอบช้ำทางใจที่เกิดจากปัญหาทางร่างกาย หรือการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์หรือการคลอด
● ความรู้สึกไร้อำนาจ ขาดการสื่อสารที่ดี หรือขาดการสนับสนุนและขาดการให้กำลังใจระหว่างการคลอด
● ความบอบช้ำทางใจที่เกิดจากการถูกข่มขืน หรือโดนละเมิดทางเพศ
อาการจะแสดงออกดังนี้:
● เห็นภาพในอดีตหรือฝันร้าย
● มีความคิดที่ควบคุมไม่ได้เกี่ยวกับความบอบช้ำทางใจในอดีต
● หลีกเลี่ยงทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความบอบช้ำทางใจในอดีต
● ความเครียดต่อเนื่องซึ่งอาจทำให้มีปัญหาในการนอนหลับ
● รู้สึกวิตกกังวล มีอาการตื่นตระหนก หรือ panic attack
● รู้สึกตัดขาดจากความเป็นจริง และปลีกตัว
-
โรคอารมณ์สองขั้วเป็นความผิดปกติทางอารมณ์ที่บุคคลหนึ่งจะมีอารมณ์แบบสองขั้ว คืออารมณ์ซึมเศร้า(depression) และอารมณ์ตื่นตัวเป็นพิเศษ (mania) ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้คือเคยเป็นโรคมาก่อน หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรค
อาการของโรคอารมณ์สองขั้วมีดังนี้:
● มีช่วงเวลาที่เกิดอารมณ์ซึมเศร้าอย่างรุนแรง
● มีช่วงเวลาที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษกว่าปกติ
● พูดเร็ว
● ต้องการนอนน้อยกว่าปกติ
● คิดเร็วกว่าปกติ มีปัญหาในการตั้งสมาธิ
● วิตกกังวล
● รู้สึกมีพลังงานมากกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง
● มั่นใจมากกว่าปกติ
● ความคิดไม่ตรงกับความเป็นจริง (ส่วนใหญ่จะมีความเชื่อหลงผิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เกินจริง หรือวิตกกังวลเกินจริง)
● หุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่สามารถตั้งสมาธิได้
● ความคิดเกินจริง สำคัญตัวมากเกินความจริง
● ในกรณีที่เป็นรุนแรงอาจมีอาการจิตหลอนหรือเห็นภาพหลอน
-
ภาวะวิกลจริตหลังคลอดจะเกิดกับผู้หญิง 1 ใน 1,000 คนหลังการคลอด โรคนี้มักเกิดแบบฉับพลัน โดยส่วนมากจะเกิดภายใน 2 สัปดาห์หลังการคลอดบุตร
อาการจะแสดงออกดังนี้:
● มีภาวะจิตหลอน หรือมีความเชื่อแปลก ๆ
● มองเห็นภาพหลอน หรือได้ยินเสียงที่ไม่มีอยู่จริง
● รู้สึกหงุดหงิดมาก
● อยู่ไม่สุข
● ต้องการนอนน้อยกว่าปกติ หรือไม่สามารถนอนได้
● อาการหวาดระแวง หรือสงสัยผู้อื่น
● อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง
● มีปัญหาในการสื่อสารเป็นช่วง ๆ
ปัจจัยเสี่ยงที่เห็นได้ชัดที่มีผลต่อการเป็นภาวะโรคจิตหลังคลอดคือการเคยเป็นโรคไบโพลาร์ หรือมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นไบโพลาร์ หรือมีอาการของภาวะโรคจิตเป็นช่วง ๆ มาก่อน งานวิจัยพบว่าในกลุ่มผู้หญิงที่มีอาการภาวะโรคจิตหลังคลอดจะมีอัตราการฆ่าตัวตายประมาณ 5% และมีอัตราการฆ่าทารก 4% จากภาวะของโรค
หากคุณแม่รู้สึกว่ามีอาการของหนึ่งในโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมา โปรดทราบว่านี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ และไม่ได้เกิดจากการกระทำของคุณแม่เลย ควรบอกคู่ครอง ลองหากลุ่มสนับสนุนจากคุณแม่ที่ประสบปัญหาคล้าย ๆ กัน และขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญก่อนที่อาการจะส่งผลกระทบต่อคุณและลูกน้อย เมื่อได้รับความช่วยเหลือแล้วคุณจะสามารถป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงและกลับมาเป็นปกติได้
ขอขอบคุณ
บทความเกี่ยวกับสุขภาพจิตของหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดนี้ถูกจัดทำขึ้นจากการร่วมมือและการสนับสนุนจาก Pranaiya & Arthur Magoffin Foundation และ Mali Family Health เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อ
รับรองโดย
เกศสุภา จิระการณ์ (นักสุขภาพจิต)
-
● DEPRESSION DURING PREGNANCY & POSTPARTUM, Postpartum Support International https://www.postpartum.net/learn-more/depression/
● ANXIETY DURING PREGNANCY & POSTPARTUM, Postpartum Support International https://www.postpartum.net/learn-more/anxiety/
● PREGNANCY OR POSTPARTUM OBSESSIVE SYMPTOMS, Postpartum Support International https://www.postpartum.net/learn-more/obsessive-symptoms/
● POSTPARTUM POST-TRAUMATIC STRESS DISORDER, Postpartum Support International https://www.postpartum.net/learn-more/postpartum-post-traumatic-stress-disorder/
● BIPOLAR MOOD DISORDERS, Postpartum Support International https://www.postpartum.net/learn-more/bipolar-mood-disorders/
● POSTPARTUM PSYCHOSIS, Postpartum Support International https://www.postpartum.net/learn-more/postpartum-psychosis/
● Different Maternal Mental Health Disorders, 2020mom.org https://www.2020mom.org/mmh-disorders#:~:text=Maternal%20Mental%20Health%20(MMH)%20disorders,to%20as%20the%20perinatal%20period